เลยไทม์ออนไลน์ได้รับการร้องขอความช่วยเหลือจากนายนเรศ รุ่งรัตน์ธนากุล อายุ 48 ปี เป็นชาวอำเภอวังสะพุง จ.เลย หลังจากที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้ตกงานโรงแรมปิด กลายเป็นคนเร่ร่อนอยู่ในนครหลวงพระบาง
สปป.ลาว
นายนเรศ
เปิดเผยว่า เดิมนั้นตนทำงานเป็นพนักงานแผนกอาหารและเครื่องดื่มอยู่ตามโรงแรมในประเทศไทย
เช่น จังหวัดภูเก็ต เชียงใหม่ และพัทยา
พอดีรู้จักกับเพื่อนคนลาว ชักชวนมาทำงานที่โรงแรมในหลวงพระบาง 2-3 แห่ง รู้สึกชอบที่นี่ จึงอยู่ทำงานยาว
แต่ก็เดินทางไป-มา ระหว่าง จ.เลย กับหลวงพระบาง จนกระทั่งปี 2561 โรงแรมเลิกจ้างพนักงาน ทำให้ตนตกงานทันที ขณะนั้นผู้จัดการในโรงแรม
ให้ตนพาไปหาหมอที่จังหวัดเลย หลังจากกลับมาถึงหลวงพระบางแล้ว เขาให้เงินมา 1,000 บาท ไปเช่าเกสต์เฮ้าส์อยู่หลายวัน คิดว่าผู้จัดการคนนี้จะจ่ายดูแลเรื่องที่พักให้ แต่เขาก็ไม่มี กลับหนีหายหน้าไป ทำให้ตนต้องเป็นหนี้ค่าที่พักรวม 9.9 ล้านกีบ หรือ 35,000 บาท จนเจ้าของเกสต์เฮาส์เขาพาตำรวจมาจับ ติดคุกอยู่ 28 วัน ตั้งแต่ 16 กรกฎาคม - 12
สิงหาคม 2562 ทางการก็ปล่อยออกมา ให้ไปหาเงินมาจ่ายเขา
ระหว่างที่ติดคุก
ลำบากมาก
ไม่มีข้าวเลี้ยงเหมือนคุกประเทศไทย ใครไม่มีญาติมาส่งข้าว ส่งน้ำก็ไม่ได้กิน ตนต้องอาศัยขอกินจากเพื่อนผู้ต้องขังคนลาว ดื่มน้ำจากก๊อกในส้วม นอนในห้องไม้เล็กๆสภาพผุพัง
40-50 คน เบียดเสียด เท้าก่ายหน้าผากกัน มีเห็บ
เหา และสารพัดแมลง ตนขอติดต่อสถานทูตให้โทรหาที่บ้าน
เขาก็เงียบ บอกว่าให้ดำเนินคดีไปตามกฎหมายเลย ติดต่อกลุ่มคนไทยในหลวงพระบาง เขาก็มาเยี่ยม ให้เงินไว้แสนกีบ
(ประมาณ 400 บาท) พาสปอร์ตก็ได้คืนมา แต่วีซ่าหมดอายุ
หลังจากนั้นก็ไม่สามารถเดินทางกลับบ้านที่จังหวัดเลยได้ ออกมานอนเกสต์เฮ้าส์เหมือนเดิม ช่วงแรกก็มีเงินจ่าย
โดยอาศัยขอยืมจากเพื่อนๆ อยู่ๆไปก็ติดค่าเช่าเขาอีก 2 ล้านกีบ เขายึดพาสปอร์ตไว้
คุยกันแล้วเขาไม่ยอม พาตำรวจมาอีก แต่ยังไม่โดนจับ เพราะตนหลบหนีออกมาก่อน ช่วงนั้นหลบซ่อนตามที่ต่างๆ วัดบ้าง สถานีขนส่ง
หรือท่ารถโดยสารบ้าง ไปแบบหลบๆซ่อนๆ ขอเงินพระบ้าง เสื้อผ้าก็มีอยู่ชุดเดียว
กลางวันก็ไม่กล้าออกมาเดิน เพรากลัวเขาเห็น อยู่อย่างผิดกฎหมาย เหมือนคนร่อนเร่พเนจร
งานก็ไม่มีทำ ร้านอาหารหรือโรงแรมในหลวงพระบางปิดกิจการหนีโควิดกันหมด หลวงพระบางก็ปิดเมืองแล้ว
“ตอนนี้อยู่อย่างลำบากครับ
ไม่มีอะไรจะกิน เงินก็ไม่มี ผมได้ประสานไปทางสถานทูตไทย
ที่เวียงจันทน์กับกรมกงสุลนานแล้วแต่เรื่องยังเงียบอยู่ จึงตัดสินใจขอความช่วยเหลือผ่านสื่อมวลชน
ผมอยากกลับบ้านอย่างมาก” นายนเรศกล่าว.
ติดต่อนายนเรศได้ที่หมายเลขโทรศัพท์(ลาว)
+856-20-23452725 Line ID : e21lna
ไม่มีความคิดเห็น:
โพสต์ความคิดเห็น