จากกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจในจังหวัดเลย 193 นาย ได้เข้าร่วมโครงการบริหารหนี้สินของสหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจภูธรจังหวัดเลยจำกัด ในสมัยพล.ต.ต.สุทิพย์ ผลิตกุศลธัช เป็นเป็นผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเลย
ในฐานะประธานสหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจภูธรจังหวัดเลยในขณะนั้น โดยให้ตำรวจกู้เงินสหกรณ์ฯ มาลงทุน และรับปากว่าจะเป็นคนนำเงินที่ได้ดอกผลจากการลงทุนมาผ่อนชำระหนี้ให้ จนต้องสูญเงินกว่า 229 ล้านบาท ต่อมา
พล.ต.ท.สุรชัย ควรเดชะคุปต์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค
4 ได้แต่งตั้งให้
พล.ต.ต.ธนาศักดิ์ ฤทธิดชไพบูลย์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค
4 เป็นหัวหน้าพนักงานคณะกรรมการการสอบสวนข้อเท็จ
และได้เรียกพล.ต.ต.สุทิพย์ ผลิตกุศลธัช มาสอบสวน และได้มารับทราบข้อกล่าวหาการกู้ยืมเป็นการฉ้อโกงประชาชน
ซึ่งพล.ต.ต.สุทิพย์ รับปากว่าจะนำเงินมาผ่อนจ่ายให้งวดละ 30 ล้านบาท แต่กลับเงียบหายไป
ไม่ทำตามที่รับปากขณะที่การดำเนินคดีก็ล่าช้า จนกระทั่งตำรวจที่ได้รับความเดือดร้อนประกาศจะฟ้องดำเนินคดีเอง
และจะเดินทางยื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ขอความเป็นธรรมนั้น
ล่าสุดวันที่
6 สิงหาคม 61 เวลา 13.30 น. ที่โรงแรมเลยพาเลซ อ.เมือง จ.เลย พล.ต.ท.สุรชัย ควรเดชะคุปต์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 พล.ต.ต.ธนาศักดิ์ ฤทธิเดชไพบูลย์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4
หัวหน้าพนักงานคณะกรรมการการสอบสวนข้อเท็จจริง พล.ต.ต.สุดพิเศษ เอกศิริ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเลย ในฐานะประธานสหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจภูธรจังหวัดเลยจำกัด
ได้เปิดประชุมและตรวจเยี่ยมแจ้งความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาโครงการบริหารหนี้สิน
โดยมีตำรวจ 193 คน ร่วมเข้าประชุมกันอย่างพร้อมเพียง
ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค
4 กล่าวว่า
วันนี้ได้มาประชุมและชี้แจงความคืบหน้าคดีนี้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ 193
นายที่เป็นผู้เสียหาย ขณะนี้พนักงานสอบสวนรับเป็นคดีอาญาไปแล้ว
โดยเริ่มการสอบสวนวันที่ 15 มิ.ย.โดยตามกฎหมายให้เวลาการสอบสวนภายใน 2 เดือน
ซึ่งขณะนี้ในเรื่องของคดีทางตำรวจภูธร ภาค 4 รับทำคดีเอง รวมทั้งจะรวบรวมหลักฐาน
เส้นสายการเงิน โดยมีพนักงานสอบสวนชุดใหญ่ ช่วยกันทำ ซึ่งจะมีพนักงานอัยการ
ผู้พิพากษา ให้คำแนะนำในเรื่องอรรถคดี ในการดำเนินคดี
โดยจะมีการส่งสำนวนให้อัยการสั่งฟ้องได้ภายในครบกำหนดระยะเวลา 2 เดือนนี้แน่นอน
ขณะนี้ได้ตรวจสอบเส้นทางการเงินบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมด
หากไม่สามารถชี้แจงถึงที่มีของเงินหรือทรัพย์สินได้ ก็ต้องถูกดำเนินคดีด้วยเช่นกัน
โดยมีข้อหาฉ้อโกง และฟอกเงิน
โดยได้จับกุมดำเนินคดีผู้มีส่วนเกี่ยวข้องไปแล้วบางส่วนที่ จ.หนองบัวลำภู
ฐานฉ้อโกง และฟอกเงิน
พล.ต.ท.สุรชัย
กล่าวว่า ตนขอยืนยันว่าตำรวจภูธรภาค 4 จะไม่มีการช่วยเหลือผู้ต้องหา
แม้ว่าจะเป็นถึงนายพล การทำคดีนี้ไม่ลำบากใจแต่อย่างใด
กรรมใครกรรมมัน ใครทำอะไรก็รับผิดชอบไป การดำเนินคดีตรงไปตรงมาและพร้อมจะดำเนินคดีถึงที่สุด
และไม่รู้จักกันเป็นส่วนตัว ต้องหาเงินคืนมาให้ได้ ซึ่งมีผู้เดือดร้อนทั้งจังหวัดเลย
จังหวัดหนองบัวลำภู และจังหวัดขอนแก่น ทั้ง 3 จังหวัด มีผู้ต้องหากลุ่มเดียวกันหมด
รวบรวมมาเป็นคดีเดียวกัน
ด้านตำรวจผู้ได้รับความเดือดร้อน
ได้ขอร้องให้สอบสวน และดำเนินคดีเจ้าหน้าที่และกรรมการสหกรณ์ฯด้วย
เรื่องเช็คในการสั่งจ่าย เชื่อว่าน่าจะมีส่วนรู้เห็นกับขบวนการนี้
พร้อมกับยืนข้อเสนอขอให้สหกรณ์ฯเพิ่มวงเงินกู้ เพื่อจะนำไปปิดสถาบันการเงินอื่น และขอให้ทางสหกรณ์หยุดหักเงินที่กู้ในโครงการบริหารหนี้
จนกว่าจะมีการดำเนินคดีเสร็จสิ้น
ซึ่งผู้บริหารสหกรณ์รับปากจะหาทางช่วยเหลือ
เปิดประชุมใหญ่ขอแก้ไขระเบียบการเพิ่มวงเงินกู้ให้
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า
การเดินทางมาพบกับตำรวจ จ.เลย
ของผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 ครั้งนี้
มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่า เพื่อเกลี้ยกล่อมไม่ให้กลุ่มตัวแทนตำรวจเหยื่อของโครงการบริหารหนี้เดินทางเข้าไปยื่นหนังสือเร่งรัดคดีต่อ
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น