จากกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ รถตู้โตโยต้าสีดำ ฝ่าไฟแดงชนนายณัฐพล วรรณศรี
อายุ 46 ปี
ชาวอำเภอภูหลวง จ.เลย เสียชีวิต
ที่บริเวณสี่แยกไฟแดงออคิดถนนสุขุมวิท ตำบลเนินพระ อำเภอเมือง
จ.ระยอง แล้วพยายามขับหลบหนี จนมีพลเมืองดี ขับรถตามไปขวาง สกัดไว้ได้
โดยมีภาพจากกล้องหน้ารถของประชาชนที่ติดไฟแดงอยู่บริเวณนั้นบันทึกเหตุการณ์ไว้อย่างชัดเจน
โดยจากการตรวจสอบพบว่า รถตู้คันดังกล่าวมีผู้โดยสาร 4-5 คน เป็นผู้บริหารระดับสูงของนิคมอุตสาหกรรมแห่งหนึ่งในจังหวัดระยอง ขณะที่คนขับมีปริมาณแอลกอฮอล์ในร่างกาย 160
มิลลิกรัมเปอร์เซ็น
และยังปฏิเสธความรับผิดชอบใดๆต่อครอบครัวผู้เสียชีวิต
โดยญาติได้นำศพกลับไปตั้งบำเพ็ญกุศลที่บ้านเกิดในอำเภอภูหลวง จ.เลย นั้น
ความคืบหน้าล่าสุด
เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2563
ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่บ้านเลขที 4 หมู่ 8 บ้านหนองขอนแก่น
ต.แก่งศรีภูมิ อ.ภูหลวง จ.เลย
ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งศพของนายณัฐพล โดยศพได้เดินทางมาถึงตั้งแต่เมื่อช่วงเวลา
23.00 น. วันที่ 23 สิงหาคม 2563 บรรยากาศเป็นไปอย่างโศกเศร้า
มีญาติและเพื่อนบ้านมาช่วยกันจัดเตรียมงานศพจำนวนมาก
น.ส.เมภารินทร์ พลโยธา ภรรยาของผู้ตายเล่าว่า สามีและตนไปทำงานที่จังหวัดระยองตั้งแต่ปี 2539
สามีเป็นพนักงานขายของซัมซุงในร้านเครื่องใช้ไฟฟ้าแห่งหนึ่งในจังหวัดระยอง ส่วนตน
ในระยะหลังได้กลับมาอยู่ที่บ้านในอำเภอภูหลวงกับลูกสาว 3 คน หลังเกิดเหตุ ตนกำลังจะออกไปทำสวนในช่วงเช้ากับลูก
มีโทรศัพท์จากเบอร์ของสามีโทรเข้ามาหลายสาย แต่ไม่ได้รับ
เพราะลูกสาวกำลังเล่นโทรศัพท์ แต่รู้สึกเอะใจว่าทำไมสามีโทรหาหลายครั้ง
เพราะปกติในตอนเช้า สามีไปทำงานจะไม่ค่อยโทรหา
เมื่อรับโทรศัพท์จากพลเมืองดีที่มาช่วยในเหตุการณ์ บอกว่าให้ทำใจดีๆ
ไว้ แล้วก็บอกว่าสามีเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ
รถตู้ชนที่ระยอง ทำให้ตนรู้สึกช็อกและเสียใจมาก กอดคอกันร้องไห้กับลูกสาว
หลังจากนั้น ก็พากันเดินทางไปรับศพที่จังหวัดระยอง
ซึ่งได้รับการช่วยเหลือจากทางเจ้านายและเพื่อนร่วมงานที่สามีทำงานเป็นอย่างดี
แต่ฝ่ายคู่กรณีไม่แสดงความรับผิดชอบใดๆ ทั้งๆที่เป็นฝ่ายผิด อย่างไรก็ตาม
ในช่วงที่ตนเดินทาง พาศพสามีกลับบ้าน มีชายที่อ้างว่าเป็นคนขับรถตู้
โทรมาแสดงความรับผิดชอบ ต้องการขอขมาศพ
ตอนนี้รู้สึกเคว้งคว้าง ไม่มีสามีที่เป็นเสาหลักของครอบครัว
ทำงานหาเงินส่งลูกสาวทั้งสามคนเรียน คนโตจบปริญญาตรีแล้ว คนกลางกำลังอยู่ชั้น ม.6 ส่วนคนเล็กอายุ 7 ขวบ สามีตั้งใจว่าในเดือนพฤศจิกายน 2563 นี้ จะรับปริญญาลูกสาว เพราะภูมิใจมาก
ที่ส่งลูกเรียนจบด้วยน้ำพักน้ำแรงของตนเอง อยากให้ลูกทุกคนได้เรียนสูงๆ
ไม่อยากให้ลำบากเหมือนพ่อแม่
ส่วนที่บ้านของพี่สาว
ส่วนพ่อกับแม่สามีนั้นเสียชีวิตไปหลายปีแล้ว
สามีทำงานเก็บเงินได้ ก็ซื้อดินมาถมไว้เตรียมสร้างบ้านหลังเล็กๆ
ตั้งใจจะกลับมาอยู่บ้านกับครอบครัวอย่างถาวร ก่อนหน้านี้สามีบ่นอยากกลับบ้าน
แต่เมื่อเกิดช่วงโควิด-19 ระบาด ทำให้ไม่สามารถกลับได้
จนกระทั่งมาเกิดเหตุสลดขึ้น น.ส.เมภารินทร์
นายวัชรพงษ์ มะดาศรี
หลานชายของผู้ตาย เปิดเผยว่า
จากการที่ดูภาพในกล้องวงจรปิดบันทึกเหตุการณ์ และพยานแวดล้อม ไม่ตรงกับที่ระบุไว้ในสำนวนของตำรวจ ไม่รัดกุมเท่าที่ควร เกรงว่ากำลังจะมีการช่วยเหลือคนในรถตู้ที่เป็นฝ่ายผิดอย่างเห็นได้ชัด
ขับฝ่าไฟแดงมาด้วยความเร็ว ชนเสร็จแล้วก็ไม่มีมนุษธรรมลงมาจอดดูอาการของนายณัฐพล
จนกระทั่งมีรถของพลเมืองดีขับตามไปขัดขวางสกัดไว้ คนในรถจึงลงมา
จากพยานคนที่อยู่ในเหตุการณ์บอกว่า มีผู้โดยสารในรถตู้ 4-5 คน
แต่กลับปรากฏในสำนวนการสอบสวนของตำรวจเพียง 2 คน และไม่มีข้อหาเมาแล้วขับ จึงอยากให้ตำรวจดำเนินการคดีนี้ด้วยความตรงไปตรงมา
ให้ความเป็นธรรมกับผู้ตายและญาติด้วย นายวัชรพงษ์กล่าว.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น