วันอังคารที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2564

แม็คโครเลยออกประกาศชี้แจง พนักงานติดเชื้อโควิดเป็นข่าวปลอม


เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม  2564  นางสาวธนัชชา เนาวคุณ ผู้จัดการทั่วไป แม็คโครสาขาเลย   ได้ออกประกาศ ชี้แจงกรณีมีกระแสข่าวว่าพนักงานของห้างฯ ติดเชื้อโควิด-19  โดยระบุว่า  จากกรณีข่าวลือที่ปรากฏในสื่อโซเชียลเกี่ยวกับพนักงานแม็คโครสาขาเลยได้รับเชื้อไวรัส COVID-19 นั้น บริษัทฯ ขอแจ้งให้ทราบว่าข่าวลือ ดังกล่าว ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด

บริษัทฯมีมาตรการตรวจสอบ และคัดกรอง พนักงาน ตัวแทนบริษัทพันธมิตรคู่ค้าและลูกค้าที่เข้ามาในแม็คโครทุก สาขาทั่วประเทศอย่างเคร่งครัด โดยกําหนดให้ทุกคนที่จะเข้าไปในบริเวณของสาขา จะต้องผ่านการตรวจวัดอุณหภูมิร่างกาย สวมหน้ากากอนามัยป้องกัน เพิ่มจุดวางแอลกอฮอล์เจลให้มากขึ้น เพิ่มความถี่การทําความสะอาด ฆ่าเชื้อโรคในพื้นที่ที่มีการสัมผัสบ่อยด้วยน้ํายาฆ่าเชื้อทุก 15 นาที เช่น บริเวณจุดจอดรถรถเข็น เคาท์เตอร์บริการต่างๆ โทรศัพท์ ตู้เอทีเอ็ม รถวิลแชร์





สําหรับลูกค้า และหากพบพนักงานมีอุณหภูมิร่างกายสูง หรือมีไข้ให้ไปพบแพทย์ทันที และต้องปฏิบัติตามคําแนะนําของแพทย์ อย่างเคร่งครัด รวมทั้งให้พักกักตัวเป็นเวลา 14 วัน

นอกจากนี้ แม็คโครยังได้ยกระดับมาตรการรักษาความปลอดภัยเพื่อเพิ่มความมั่นใจให้แก่ลูกค้า พนักงานและสังคม โดยรวม สร้างบรรทัดฐานใหม่ ในการจับจ่ายที่ปลอดภัยในทุกสาขา โดยทุกสาขาของแม็คโครได้รับการรับรองมาตรฐาน ไทยสตอบโควิตพลัส (Thai Stop CoVID Plus) จากกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข อันได้แก่



1.กําหนดจํานวนลูกค้าเข้าสาขาโดยการนับจํานวนคนเข้า-ออก และรายงานจํานวนคนที่อยู่ภายในสาขาทุกครึ่งชั่วโมง พร้อมจัด ที่นั่งรอห่างกัน 1 เมตรด้านหน้าสาขา เมื่อปริมาณคนในสาขาเกินจํานวนที่กําหนด

2. ตีเส้นรักษาระยะห่างที่พื้น (Social distancing grid) เพื่อเป็นสัญลักษณ์ในการรักษาระยะห่างของแต่ละบุคคล ในจุดที่มีความ หนาแน่น เช่น แผนกอาหารสค. แผนกเนื้อสัตว์ และจุดชําระเงิน

3. จัดทีมรักษาระยะห่าง 3-5 คนต่อสาขา คอยเป็นประกาศ ย้ําเตือนเรื่องการรักษาระยะห่างให้ลูกค้าเกิดความเคยชิน และปฏิบัติ จนเป็นความปกติใหม่ (New normal)

4. เน้นบริการชําระเงินแบบ Cashless payment เพื่อลดความเสี่ยงจากการสัมผัสเงินสดในทุกสาขา

ทั้งนี้ เพื่อเป็นกําลังใจให้ทุกคนในประเทศมีความเข้มแข็ง และสามารถก้าวพ้นวิกฤติการณ์ในครั้งนี้ บริษัทฯ ขอความ ร่วมมือทุกท่านในการคัดกรองข้อมูลข่าวสารที่ได้รับ โดยเฉพาะในสื่อโซเชียลมีเดีย รวมถึงระมัดระวังการส่งต่อข้อมูลที่ไม่เป็น ความจริง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความตื่นตระหนก หรือความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนซึ่งอาจก่อให้เกิดความไม่สงบสุขแก่สังคมโดยรวม.



  

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น