วันเสาร์ที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2558

เลนมอ'ไซค์-เลนจักรยาน




ใกล้ช่วงหน้าหนาวเข้ามาทุกขณะ  นั่นหมายถึงฤดูกาลท่องเที่ยวกำลังจะมาถึงด้วย  ปริมาณรถตามท้องถนนในจังหวัดเลยก็จะเพิ่มขึ้นกว่าช่วงปกติอีกหลายเท่าตัว  โดยเฉพาะถนนสายหลัก มุ่งสู่แหล่งท่องเที่ยวต่างๆ  เช่น  ถนนเลย-เชียงคาน ถนนเลย-ด่านซ้าย  และถนนมลิวรรณ  ซึ่งถนนเลย-เชียงคาน และถนนมลิวรรณ  แม้ไม่ใช่ในช่วงเทศกาลวันหยุดการจราจรก็หนาแน่นอยู่แล้ว  ใช้เวลาเดินทางจาก ม.ราชภัฏเลย จากที่เคยใช้เวลาไม่เกิน 6 นาที  แต่ปัจจุบัน ไม่ต่ำกว่า 15  นาที

จากปริมาณการจราจรที่หนาแน่น ส่งผลให้มีอุบัติเกิดขึ้นบ่อยครั้ง  สร้างความสูญเสียในชีวิต  และมีทรัพย์สินของประชาชนและทางราชการจำนวนมาก มีคนพิการ ทุพลภาพเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง 
ศูนย์ข้อมูลอุบัติเหตุ เพื่อเสริมสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยทางถนน ระบุว่าปีนี้ (2558) เกิดอุบัติในพื้นที่จังหวัดเลยขึ้นแล้วจำนวน  963 ครั้ง  มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1,071 คน  และเสียชีวิต 51 คน พื้นที่อำเภอเมืองเลย มีสถิติการเกิดอุบัติเหตุมากที่สุด จำนวน 300 ครั้ง  มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 332 คน และเสียชีวิต 16 คน  ผู้ประสบอุบัติส่วนใหญ่อายุระหว่าง 16-25 ปี  ช่วงเวลาที่เกิดอุบัติมากที่สุดคือ 18.00 - 22.00 น. ทั้งนี้ สถิติการเกิดอุบัติของจังหวัดเลยในปีนี้ อยู่ในอันที่ 61 ของประเทศ

อย่างไรก็ตาม  จากปัญหาดังกล่าวมีหลายหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง ไม่ได้นิ่งนอนใจ ร่วมกันหามาตรการ แนวทางป้องกันและแก้ไขอย่างต่อเนื่องและแข็งขัน ทั้งการปรับปรุง สิ่งก่อสร้างวิศวกรรมจราจร ควบคู่ไปกับการรณรงค์เพื่อปลูกจิตสำนึกสร้างวินัยจราจรแก่ประชาชน 

แต่ประเด็นสาเหตุการเกิดอุบัติเหตุประการหนึ่งที่ไม่ค่อยพูดถึงกันมากนัก คือ การจอดรถยนต์ริมถนน โดยเฉพาะถนนเลย-เชียงคาน และถนนมลิวรรณ ซึ่งมี 4 ช่องจราจร ในช่องเดินรถจักรยานยนต์ริมสุด มีผู้ขับขี่รถยนต์เข้าใจผิด หรือแกล้งเข้าใจผิดโดยเจตนาว่า เป็นที่จอดรถยนต์ได้  ทั้งๆที่เป็นพื้นผิวจราจรตามกฎหมาย ไม่ใช่ที่จอดรถสมบัติส่วนตัวหน้าร้านของใคร....

ลักษณะการเกิดอุบัติที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง คือ เมื่อผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์เดินรถมาในช่องตัวเอง  รถยนต์จอดขวางอยู่ตรงด้านหน้า จึงจำเป็นต้องหักหลบออกด้านขวา เข้าไปในช่องของรถยนต์ ทำให้รถยนต์ที่ขับตามมาชนกับรถจักรยานยนต์ หรือหากรถยนต์หักหลบรถจักรยาน ข้ามเข้าไปช่องนอกสุด ก็ชนกับรถยนต์อีกคันหนึ่ง หรือเหตุการณ์ที่มักจะเกิดขึ้นบ่อยๆก็คือ รถจักรยานต์ขับมาชนท้ายรถรถยนต์หรือรถบรรทุกขนาดใหญ่ในยามค่ำคืน 

แต่ก็เข้าใจถึงความจำเป็น หากหาที่จอดไม่ได้จริงๆ ควรจอดให้ล้อรถฝั่งซ้ายชิดลงขอบทางด้านล่าง อย่างน้อยก็เหลือพื้นที่ให้รถจักรยานได้ขับขี่อยู่ในช่องของตัวเอง (ตามรูปที่ 1) เป็นการกระทำที่เป็นอารยะชน แสดงให้เห็นว่าผู้นั้นมีจิตสำนึกต่อส่วนรวม เป็นผู้เจริญแล้ว ซึ่งจะทำให้บ้านเมืองเราน่าอยู่มากยิ่งขึ้น 

สำหรับเจ้าหน้าที่บ้านเมืองที่ดูแลรักษากฏหมายจราจร ควรเข้มงวดกวดขันมากกว่านี้  และไม่ควรกระทำเช่นนั้นเสียเองด้วย 

ช่วงนี้มีข่าวการออกประกาศของผู้ว่าฯราชการจังหวัดเลย ปกป้องเลนจักรยานที่เพิ่งสร้างเสร็จใหม่ 3 กิโลเมตร จากสถานีขนส่งผู้โดยสาร จ.เลย ถึงอนุสรสถานณ์ พตท.1718 หลังมีประชาชนนำรถจักรยานยนต์และรถยนต์เข้าไปใช้  โดยมีบทลงโทษปรับ 1,000 บาท  แต่นั่นเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ ที่ได้ผลในระยะสั้น  

ในเมื่อเลนรถจักรยานยนต์โดนคุกคามโดยรถยนต์ จึงต้องไปหาที่ปลอดภัยกว่า

เมื่อเลนจักรยานได้รับการคุ้มครองดูแลเป็นอย่างดี เลนรถจักรยานยนต์ก็ต้องได้รับการปฏิบัติในแนวทางเดียวกันด้วย..

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น