วันศุกร์ที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2563

แม่ของเด็กวัย12ปีชาวท่าลี่ ทวงถามหาความรับผิดชอบ หลังถูกหญิงขับเก๋งกลับรถ ชนลูกชายเจ็บหนัก (ชมคลิป)



จากกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ นางสาวอมรรัตน์ ลีกระจ่าง อายุ 41 ปี ได้นำรถเก่งมาสด้า 3 สีขาว ทะเบียน ศย 8193 กรุงเทพมหานคร กลับรถอย่างกะทันหัน ทำให้เด็กชายณัฐภัทร จอมทอง  อายุ 12 ปี  ที่ขับรถจักรยานยนต์ฮอนด้าเวฟสีน้ำเงิน ตามหลังมา ชนเข้าอย่างจัง ร่างกระเด็นลอยตกลงพื้นถนน ได้รับบาดเจ็บสาหัส ศรีษะกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง เหตุเกิดที่บริเวณถนนหน้าสำนักงานเทศบาลตำบลท่าลี่ อ.ท่าลี่ จ.เลย ตรงข้ามกับพระใหญ่ริมแม่น้ำคาน เมื่อวันที่ 29 มกราคม 2563 เวลา 15.50 น.



ซึ่งเหตุการณ์ครั้งนี้ กล้องวงจรของเทศบาลตำบลท่าลี่ สามารถบันทึกภาพไว้ได้อย่างชัดเจน  พบว่าหลังเกิดเหตุ นางสาวอมรรัตน์ได้วิ่งออกมาจากรถ แล้วเขย่าตัวของเด็กชายณัฐภัทร อุ้มให้ยืนขึ้น แต่ไม่สำเร็จ   ก่อนจะตะโกนเรียกให้เจ้าหน้าที่เทศบาลตำบลท่าลี่ที่อยู่บริเวณนั้นได้เข้ามาช่วยเหลือ นำตัวส่งโรงพยาบาลท่าลี่ ส่งต่อโรงพยาบาลเลย และโรงพยาลศูนย์อุดรธานี เนื่องจากอาการหนัก




ความคืบหน้าล่าสุด  เมื่อวันที่ 31 มกราคม 2563  ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่บ้านเลขที่ 168 หมู่ 1 บ้านน้ำอ้อม   ต.ท่าลี่  อ.ท่าลี่ จ.เลย  ซึ่งเป็นบ้านของเด็กชายณัฐภัทร  ซึ่งทางแพทย์ได้อนุญาตให้กลับมาพักรักษาตัวที่บ้านตั้งแต่เมื่อวานนี้  โดยเด็กชายณัฐภัทร ยังมีอาการมึนงง บริเวณเบ้าตาซ้ายบวมช้ำ ไม่สามารถไปโรงเรียนได้ บอกว่าก่อนเกิดเหตุ กำลังขับรถกลับบ้าน หลังจากที่ไปช่วยแม่วางของขายที่ตลาด มาถึงทีเกิดเหตุตนมองไม่เห็นว่ามีรถเก๋งกลับรถ กะทันหัน หลังจากนั้นก็จำอะไรไม่ได้อีกเลย ตอนนี้รู้สึกปวดหัวมาก




นางพรทิพย์  สุวรรณโชติ  อายุ 36 ปี  แม่ของเด็กชายณัฐภัทร  เปิดเผยว่า  ขณะเกิดเหตุ ตนขายเนื้ออยู่ที่ตลาดบ้านปากห้วย  ลูกชายคนโตโทรมาบอก ตนจึงรีบมาดูลูกชายที่โรงพยาบาลท่าลี่  หลังจากนั้นประมาณ 18.00 น. หมอก็ส่งต่อไปรักษาที่โรงพยาบาลเลย  แล้วช่วง 23.00 น. ก็ส่งต่อที่โรงพยาบาลศูนย์อุดรธานี  ซึ่งหมอบอกว่าอาการหนัก เลือดคั่งในสมอง อาจจะได้ผ่า จนกระทั่งวันที่ 30 มกราคม หมอบอกว่าตอนนี้ให้กลับไปรักษาดูอาการที่บ้านก่อน เพราะลูกชายอายุยังน้อย ไม่อยากเสี่ยงผ่าตัด  และนัดอีกทีวันที่ 11 กุมภาพันธ์ หากอาการไม่ดีขึ้นอาจต้องดูดเอาเลือดคั่งออก หรือผ่าตัดสมอง




นางพรทิพย์  อาการของลูกชายตอนนี้ยังไม่น่าไว้วางใจ เพราะสมองได้รับการกระทบกระเทือน  หลังจากเกิดเหตุ คู่กรณีก็ไม่เคยมาดูแล  เพียงแค่จะเอาเงิน 2,000 บาท มาให้ลูกชายคนโต แต่ตนไม่ให้รับไว้  ค่าใช้จ่ายทั้งหมดก็มาจาก พ.ร.บ.รถจักรยานยนต์ของตน  หลังจากกลับมาบ้าน ตนก็พยายามโทรหา แต่นางอมรรัตน์ก็บ่ายเบี่ยง บอกว่าไม่ว่าง ติดธุระ จนกระทั่งถึงขณะนี้ก็ยังไม่มาเยี่ยม  ขอให้ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมาย  ตนไม่ยินยอมแน่นอน หากลูกชายเป็นอะไรไปมากกว่านี้

ด้าน พ.ต.ท.คงกระพัน วังคำกฤษทรัพย์ พนักงานสอบสวน สภ. ท่าลี่ เจ้าของคดี เปิดเผยทางโทรศัพท์ว่า  หลังเกิดเหตุก็ได้นำตัวนางสาวอมรรัตน์ ลีกระจ่าง มาสอบสวน ซึ่งเบื้องต้นยอมรับผิดที่กลับรถไม่ได้ดูรถที่ตามมาข้างหลัง  ส่วนการดำเนินคดี ต้องรอผลการตรวจรักษาจากแพทย์หลังวันที่ 11 กุมภาพันธ์เสียก่อน จึงจะดำเนินการต่อได้


พ.ต.ท.คงกระพัน วังคำกฤษทรัพย์ 


ด้านนายภูมินทร์  สุวรรณสนธิ์ 26 ปี  เจ้าของรถคันที่เกิดเหตุ เปิดเผยผ่านทางโทรศัพท์ว่า ก่อนเกิดเหตุ นางสาวอมรรัตน์ได้เอารถไปล้าง กำลังจะขับกลับมาส่งคืนที่บ้าน รถของตนทำประกันชั้น 1 ไว้ ต้องรอให้ทางบริษัทประกันมาดำเนินการ ส่วนนางสาวอมรรัตน์ หลังเกิดเหตุก็ไม่สามารถติดต่อกันได้อีกเลย ตนไม่ได้นิ่งนอนใจ พยามติดต่อให้นางสาวอมรรัตน์มาแสดงความรับผิดชอบกับเหตุการณ์นี้แล้ว


ขณะที่นางสาวอมรรัตน์ ได้ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวผ่านทางโทรศัพท์ว่า ก่อนเกิดเหตุตนขับรถจากคาร์แคร์ จะเอาไปส่งเพื่อนที่บ้านในซอยข้างสำนักงานเทศบาลตำบลท่าลี่  แต่ขับเลยทางเข้า  ตนจึงเปิดไฟเลี้ยงแอบเข้าข้างถนนด้านซ้าย  มองแล้วเห็นว่าข้างหลังถนนว่าง จึงเลี้ยวกลับรถ แต่จู่ๆก็มีมอเตอร์ไซค์ขับมาเร็วมาก ชนเข้าล้อหน้า ด้วยความตกใจ เพราะเป็นเกียร์ออโต้ ตนเหยียบคันเร่งไปชนต้นไม้จนรถหยุด พอตั้งสติได้ก็ลงไปดูอาการของเด็ก พยามปลุกให้ตื่น เพราะกลัวว่าน้องจะเป็นอะไรไปมากกว่านี้


ส่วนเรื่องความรับผิดชอบ ตนไม่ได้นิ่งนอนใจ เพียงแค่ช่วงนี้ตนมีภารกิจที่บ้าน ต้องพาแม่ไปหาหมอที่ขอนแก่น จึงไม่สามารถไปเยี่ยมน้องคนเจ็บได้ และการเดินทางแต่ละครั้งก็ต้องใช้เงิน ตนเป็นผู้หญิงที่อยู่เพียงลำพัง ไม่มีสามีคอยช่วยเหลือ จึงเป็นเรื่องยากที่จะให้ไปดูแลคนเจ็บได้อย่างใกล้ชิด  ตนได้โทรศัพท์คุยกับแม่ของเด็กแล้วว่าจะหาเงินมาชดใช้ตามหลักมนุษยธรรม ช่วยเหลือค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลอย่างเต็มที่  ส่วนคดีความทางตำรวจก็ได้นัดหมายวันที่จะมาพบกันแล้ว  จะผิดจะถูกอย่างไรก็ต้องรอการสอบสวนของตำรวจ ขอยืนยันว่าตนไม่ได้หนีไหนแน่นอน นางสาวอมรรัตน์ กล่าว.



ขอบคุณภาพกล้องวงจรปิดจาก ทต.ท่าลี่

x

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น