วันจันทร์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2563

ผู้ว่าฯเลยเรียกประชุมด่วน แก้ปัญหาควัน pm 2.5 มิตรผลตั้งค่าหัวนำจับเผาอ้อย 5 หมื่นบ.(ชมคลิป)


มื่อวันที่ 20  มกราคม 2563  ที่ศาลากลางจังหวัดเลย  นายชัยวัฒน์  ชื่นโกสุม  ผู้ว่าราชการจังหวัดเลย   ได้เชิญหัวหน้าส่วนราชการและผู้แทนจากโรงงานน้ำตาลทั้งสองแห่งในจังหวัดเลย  มาร่วมกันประชุมและแถลงข่าวเกี่ยวกับการแก้ปัญหาภัยแล้ง และปัญหาหมอกควันและฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5
 

ผู้ว่าราชการจังหวัดเลยกล่าวว่า  ที่ผ่านมาทางจังหวัดได้จัดตั้งศูนย์บัญชาการเหตุการณ์จังหวัด อำเภอ และศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินท้องถิ่นขึ้น โดยให้ศูนย์ฯ ดังกล่าวเป็นศูนย์กลางในรับแจ้งเหตุการณ์ และบูรณาการการปฏิบัติระหว่างหน่วยงานต่าง ๆ รวมทั้งแต่งตั้งเจ้าหน้าที่ประจำศูนย์ฯ และมอบหมายหน้าที่การปฏิบัติให้เกิดความชัดเจน ปฏิบัติหน้าที่ตลอด 24 ชั่วโมง  พร้อมจัดชุดปฏิบัติการเคลื่อนที่เร็ว  ทำหน้าที่ติดตามสถานการณ์และเตรียมการป้องกันและแก้ไขปัญหาในพื้นที่ สำหรับอำเภอ ให้นายอำเภอประสานกับผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรในพื้นที่   เพื่อแต่งตั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้อยู่ในชุดปฏิบัติการด้วย โดยหลังจากนี้จะมีจับกุมดำเนินคดีผู้ลักลอบเผาอ้อยและเผาป่าอย่างจริงจัง   อย่างไรก็ตาม จะได้หารือกับหน่วยงานราชการที่ดูแลเรื่องแรงงาน  เพื่อแก้ปัญหาคนงานตัดอ้อยที่ขาดแคลนด้วย





นายแพทย์ปรีดา  วรหาร  นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเลย  กล่าวว่า  ขณะนี้พื้นที่จังหวัดเลยมีสถานการณ์หมอกควันและฝุ่นละอองขนาดเล็ก  pm 2.5  ในอากาศ อยู่ที่ 60 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร อยู่ในระดับสีส้ม เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ  ซึ่งจากสถิติปีที่ผ่านมา คาดว่าในช่วงเดือนมีนาคมถึงเมษายน จะเพิ่มขึ้นเป็นสีแดง  อย่างไรก็ตามในขณะนี้ ยังไม่มีผู้ป่วยที่ได้รับผลกระทบเข้ารับการรักษาตามโรงพยาบาล

ด้านนายสมศักดิ์  จวงพลงาม  ผู้แทนจากโรงงานน้ำตาลมิตรภูหลวง  อ.วังสะพุง  กล่าวว่า  พื้นที่ปลูกอ้อยของโรงงานน้ำตาลมิตรภูหลวงในจังหวัดเลยมีประมาณ 400,000 ไร่  มีเกษตรกร 6,400 ราย  ปีนี้มีผลผลิตป้อนเข้าสู่โรงงานลดลงประมาณร้อยละ 30 เพราะสภาพอากาศที่แห้งแล้ง  จึงคาดว่าจะปิดหีบอ้อยได้ไม่เกินวันที่ 10 มีนาคม หรือช่วงเดือนกุมภาพันธ์  สำหรับมาตรการลดการเผาอ้อย ทางโรงงานมิตรภูหลวงได้รณรงค์ให้เกษตรกรตัดอ้อยสดอย่างต่อเนื่อง  พร้อมตั้งรางวัลนำจับคนเผาอ้อย หากคดีถึงที่สุดแล้ว จะได้รับเงิน 50,000 บาท






นายสมศักดิ์กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ยังได้สนับสนุนรถเครื่องจักรสำหรับตัดอ้อยสด เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 7 คัน จากเดิม 20 คัน  พร้อมกับสนับสนุนรถติดตั้งเครื่องสานใบอ้อย   ปีนี้ส่งเสริมไป 170 ชุด รวมพื้นที่ประมาณ 70,000 ไร่  ซึ่งปีนี้เป็นปีแรกที่โรงงานฯประกาศรับซื้อใบอ้อยตันละ 1,000 บาท  ตั้งแต่ต้นฤดูกาลที่ผ่านมา ได้ซื้อไปแล้ว 6,000 ตัน  จากที่ตั้งเป้าไว้ 40,000 ตัน  ทำให้ในปีนี้โรงงานฯมีอ้อยสดเพิ่มขึ้นร้อยละ 60 เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา ร้อยละ 20  เป็นผลมาจากเกษตรกรให้ความร่วมมือตัดอ้อยสดเป็นอย่างดี  ขณะเดียวกัน รัฐบาลก็สนับสนุนเงินให้แก่เกษตรกรที่ตัดอ้อยสด ขายได้เพิ่มอีกตันละ 130 บาท คาดว่าปีนี้จะได้อ้อยสดร้อยละ 70 ตามแผนที่กำหนดไว้ 

ด้านนายเอนก วาชัยศรี  หัวหน้าแผนก ส่วนส่งเสริมไร่ โรงงานน้ำตาลขอนแก่น (KSL)  กล่าวว่า  ทางโรงงานได้รณรงค์ให้เกษตรกรตัดอ้อยสดมาอย่างต่อเนื่องเช่นกัน จัดเวทีไปแล้วกว่า 60 ครั้ง  ใน 9 เขตที่โรงงานส่งเสริม ซึ่งเกษตรกรให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี  โดยเฉพาะในพื้นที่ตำบลนาแขม ไม่มีการเผาอ้อยทั้งหมด 100 เปอร์เซ็นเต็ม  นอกจากนี้มีการสนับสนุนเครื่องจักรสำหรับตัดอ้อยสดและเครื่องสานใบอ้อย ให้แก่เกษตรกรที่มีศักยภาพ  ทำให้ปีนี้มีปริมาณอ้อยสดเข้าสู่โรงงานเพิ่มขึ้น ประมาณร้อยละ 30 . 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น